วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ภาษาซี (C)


  ภาษาซี (C)
ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไร
หลายคนคงเคยสงสัยกันนะครับว่าโปรแกรมทำงานขึ้นมายังไง ทำไมไอหน้าจอคอมพิวเตอร์สี่เหลี่ยมถึงมีเกมส์เล่นหรือว่าทำโปรแกรมแต่งรูปต่างๆได้เหมือนกับมนุษย์ที่สื่อสารกันด้วยภาษาที่ยอมรับกัน คอมพิวเตอร์ก็มีภาษาทางการของพวกเขาเช่นกันครับทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นภาษาของคอมพิวเตอร์มนุษย์ก็สามารถทำความเข้าใจได้เช่นกัน แต่ในเฉพาะระดับสูงเท่านั้น พวกเลขฐานสอง 00110011 ก็ปล่อยให้คอมพิวเตอร์ใช้ไปเถอะครับ 555+ *ด้วยความนี่ผู้เขียนบล็อกไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเขียนโปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์แต่ต้องเขียนเรื่องนี้ส่งอาจารย์ ก็เลยต้องอ่านผ่านๆให้พอรู้เรื่อง ก็อปวางบ้างบางบรรทัดหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ (ง030)ว

ภาษาซี
ในเมื่อเป็นภาษาก็ย่อมต้องมีความแตกต่าง เหมือนที่เรามีภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาไทย ภาษาจีน
คอมพิวเตอร์ก็มีภาษาระดับสูงแยกย่อยออกไปอีกเช่นกันโดยที่จะสามารถแยกย่อยออกไปอีกมากมาย ภาษาที่นิยมใช้กันโดยมากจะเป็น Python,Java,C++,C#,Ruby [*ที่มา http://www.i-programmer.info/news/98-languages/8277-most-popular-computer-languages-2015.html] โดยจะยกภาษาทั้งหมดมากล่าวถึงในบล็อกอันน้ิยนิดของผมคงจะยากไปหน่อยเพราะฉะนั้นผมขออณุญาติกล่าวถึงภาษาที่คุ้นหูคนทั่วไปอย่างภาษา C (ซี) ในการเขียนบล็อกครั้งนี้ครับ

โดยภาษาซีนั้นพัฒนาขึ้นโดยอเมริกันนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Dennis MacAlistair Ritchie ในช่วงปีค.ศ. 1969-1973 ที่ AT&T Bell Laboratory โดยกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคอมพ์พิวเตอร์ในปัจจุบัน

ภาษาซีนั้นยังถูกพัฒนาต่อเป็นภาษา C++ C# อีกด้วย
Image result for Dennis MAcAlistair Ritchie


การออกแบบของภาษาซี
ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงภาษาระดับล่าง สามารถรองรับภาษายุคก่อนๆได้ และสามารถทำงานได้หลายแพลตฟอร์มอีกด้วย

ลักษณะพิเศษฟ
-มีชุดคำสัญอยู่จำนวนหนึ่งเช่น for , if/else , while , switch , do/while
-มันการใช้สัญลักษณ์และก็มีการผสมสัญลักษณ์อีกด้วย +,+=,+-,~ บลาๆ
-สามารถข้ามฟังก์ชั่นตัวเลขได้เวลาที่ไม่ใช้
-ใช้วงเล็บปีกกา{...}แทน Start.....end
-คำที่สงวนไว้มีน้อย
-ตัวเท่ากับสองตัว == ใช้แสดงความเท่ากัน
-ตัวแปรอาจถูกซ่อนในบล็อกซ้อนใน
-etc.

คุณลักษณะที่ขาดไป 
ขออนุญาตินำมาจาก* https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาซี
-ไม่มีการนิยามฟังก์ชันซ้อนใน
-ไม่มีการกำหนดค่าแถวลำดับหรือสายอักขระโดยตรง (การคัดลอกข้อมูลจะกระทำผ่านฟังก์ชันมาตรฐาน แต่ก็รองรับการกำหนดค่าวัตถุที่มีชนิดเป็น struct หรือ union)
-ไม่มีการเก็บข้อมูลขยะโดยอัตโนมัติไม่มีข้อกำหนดเพื่อการตรวจสอบขอบเขตของแถวลำดับไม่มีการดำเนินการสำหรับแถวลำดับทั้งชุดในระดับตัวภาษา
-ไม่มีวากยสัมพันธ์สำหรับช่วงค่า (range) เช่น A..B ที่ใช้ในบางภาษาก่อนถึงภาษาซี99
-ไม่มีการแบ่งแยกชนิดข้อมูลแบบบูล (ค่าศูนย์หรือไม่ศูนย์ถูกนำมาใช้แทน)
-ไม่มีส่วนปิดคลุมแบบรูปนัย (closure) หรือฟังก์ชันในรูปแบบพารามิเตอร์ (มีเพียงตัวชี้ของฟังก์ชันและตัวแปร)
-ไม่มีตัวสร้างและโครูทีน การควบคุมกระแสการทำงานภายในเทร็ดมีเพียงการเรียกใช้ฟังก์ชันซ้อนลงไป เว้นแต่การใช้ฟังก์ชัน longjmp หรือ setcontext จากไลบรารี
-ไม่มีการจัดกระทำสิ่งผิดปรกติ (exception handling) ฟังก์ชันไลบรารีมาตรฐานจะแสดงเงื่อนไขข้อผิดพลาดด้วยตัวแปรส่วนกลาง errno และ/หรือค่ากลับคืนพิเศษ และฟังก์ชันไลบรารีได้เตรียม goto แบบไม่ใช่เฉพาะที่ไว้ด้วย

การใช้งาน
โปรแกรมภาษาซีใช้ได้หลากหลายสุดๆ แต่โดยทั่วไปภาษาอื่นๆมักจะใช้ฐานข้อมูลจากภาษาซีแล้วค่อยแปลงเป็นภาษานั้นๆ และภาษาซียังมักจะใช้เป็นโปรแกรมในการคำนวนอีกด้วย


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาซี
และ
https://en.wikipedia.org/wiki/C_(programming_language

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

social network กับนักเรียนและสังคมไทย

                                            Social network กับสังคมไทยและนักเรียน



สำหรับในยุคนี้ เราคงหลีกเลี่ยงหรือหนีคำว่า Social network” ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social network” คืออะไรกันแน่ วันนี้เรามารู้จักความหมายของ “Social network”
                                 


  คำว่า Social network” หมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั้นเอง พื้นฐานการเกิด “Social Media” ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) หรืออื่นๆ มากมาย จากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนกลายเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มสังคม และเป็นความสัมพันธ์ที่กว้างไกลไปทั้งโลก นี่คือความมหัศจรรย์ของเครือข่ายบนโลกออนไลน์


Social Network กับสังคมไทย

   Social Network ในสังคมไทยมีอิทธิพลต่อการทำเนินชีวิตของเรามาก เนื่องจากสังคมไทยมีการเสพติด Social Networkไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไร เช่น ตอนโหนอยู่บนรถประจำทาง ตอนอยู่ในรถไฟฟ้า หรือตอนนั่งรถยนต์ส่วนตัว พวกเราก็จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็ค Social Network และดูกระแส Social Network ในช่วงนี้เป็นประจำ สังคมไทยใช้Social Network ในการเช็คข่าวสารต่างๆ คอยอัพเดตสิ่งต่างๆที่ต้องการจะรู้ แต่การทำแบบนี้นั้นทำให้เราเกิดพฤติกรรมใหม่ขึ้นมานั้นก็คือสังคมก้มหน้านั้นเอง ซึ่งการใช้ชีวิตแบบสังคมก้มหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหนักเนื่องจากอาจจะทำให้เราขาดมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้วมั่วแต่หมกมุ่นอยู่แต่เพียงในโลกของ Social Network นอกจากนี้การที่ผู้ใช้เล่น social network และอยู่กับหน้าจอมือถือเป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้ ดังนั้นเราจึงควรเล่นหรืออยู่กับ Social Network อย่างพอดีไม่มากเกินความพอดีมิเช่นนั้นอาจจะก่อผลเสียต่อตัวเราและสังคมที่เราอยู่ก็เป็นได้
                             

 Social Network กับนักเรียน

   Social Network เป็นสิ่งที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่คู่กับนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนในระดับไหนก็ตามทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ก็รู้จัก Social Networkกันทั้งนั้น ก็ที่เรามีSocial Network นั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะเราสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆให้กันได้โดยใช้เวลาไม่นาน  ถ้าหากผู้ใช้อยู่ในวัยเรียน แล้วเกิดความหมกมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น คนบางกลุ่มก็เลือกที่จะใช้social networkในทางที่ดี เช่น การค้าขายของตาม Social Network เพื่อเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน หรือ ตั้งกลุ่มเป็นรับข่าวทางด้านการศึกษาต่างๆ ดังนั้นเราก็ควรใช้ Social Network ในทางที่ถูกที่ควรเพื่อให้ Social Network เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิตเรา

                         
  ดังนั้นการที่เรามี Social Network ในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ในการทำอะไรต่างๆมากมายในปัจจุบัน เราจึงควรใช้มันให้ถูกต้องมาที่ Social Network ควรเป็น และไม่ควรใช้ Social Network ไปในทางที่ผิด เพื่อเราจะได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Social Network

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความแตกต่างระหว่างเครื่องสูบ V กับสูบเรียง(in-line)

มีการถกเถีงกันมากว่าเครื่องยนต์สูบวีกับเครื่องยนต์สูบเรียงว่าชนิดใหนตอบสนองความเร็วได้ดีกว่ากัน แต่ก่อนหน้านั้นเรามาดูที่มาที่ไปของเครื่องยนต์ทั้งสองชนิดว่ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ที่ผ่านมาในการออกแบบเครื่องยนต์ ผู้ออกแบบต้องการให้ได้ประสิทธิภาพด้านกำลังงานเป็นหลักโดยเครื่องยนต์ โดยผู้ผลิดแต่ละยี่ห้อก็มุ่งเน้ให้กำลังงานที่ทะละกทะลายออกมาแรงเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหลาย เกิดเป็นการตู่สู้ในเชิงธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าพอใจมากที่สุด ความนิยมด้านกำลังถูกเปลี่ยนมาาเป็นสมรรถนะด้านความเร็ว เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาที่เห็นเป็นรูปอธรรมและยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เหลือเพียงเครื่องยนต์สูแบบวีทวินกับเครื่องยนต์สูบเรียง 4 inline และเครื่องยนต์ บอกเซอร์




เครื่องยนต์สูบวี 
การออกแบเครื่องยนต์สูบวีในยุคแรก ค้องการให้มีแรงบิดสุงๆ หรือต้องการให้ Torque มากๆทำให้เครื่องยนต์ชนิดนนี้สามารถใช้กำลังตีนต้นขึ้นทางลาดชัน รับน้ำหนักในการใช้งานได้มาก และ แข็งแรงทนทาน เป็นที่นิยมมากในแถบยุโรปและอเมริกา ส่วนอัตราเร่งก็ปรูดปราดติดมือ ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาราวๆ ค.ศ.1976 เกิดการคิดค้นพัฒนาเครื่องยนต์สูบวีให้มีประสิทธิภาพสุงขึ้น เนื่องจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ เครื่องยนต์สูบวีมีความเร็วปลายไม่มากพอที่จะแซงเครื่องยนต์สูบเรียง
ข้อเสียที่เป็นปัญหาใหญ่ของเครื่องยนต์สูบวีคือแรงบิดอันมหาศาลและเอนจินเบรคที่คอยดึงกำลังาน จนทำให้การขับขี่ไม่ง่ายเหมือนใจคิดการแก้ใขทางของเครื่องยนต์จึงเริ่มขึ้น

การลดแรงบิดของเครื่องยนต์สูบวี
1.ลดน้ำหนักของแคมชาฟท์หรือข้อเหวี่ยงด้วยการทำให้ข้อเหวี่ยงเป็นครึ่งวงกลม,บางลง,เพิ่มความแข็งแรงในเนื้อเหล็ก และ ลดน้ำหนักของข้อเหวี่ยง จะเห็นว่าเมื่อน้ำหนักทั้งหมดลดลงย่านกำลังงานที่เกิดจากอัตราเร่งต่ำสุดจะกระเถิบสุงขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่ารอบเครื่องยนต์ หรือ พาว์เวอร์แบนด์นั่นเอง
จะเห็นใด้ว่าการลดแรงบิดและย้ายย่านกำลังงานของเครื่องยน์สูบวีนั้นทำให้การขับขี่รถจักยานยนต์สูบวีทำใด้ง่ายขึ้น แต่ข้อด้วยที่รอการแก้ใขก็คือเอนจินเบรคหรือการดึงกำลังงานจากกำลังอัดที่ไม่สาาถตัดทอนได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นการดึงกำลังงานจากเครื่องยนต์
เหตุผลหลังก็คือเครื่องยนต์สุบวีมีเพียงสองสูบพื้นที่หน้าตัดของลูกสูบจะมีมากในเครื่องยนต์สูบวีที่มีซีซีสุงๆ ทางแก้ใขที่คิดค้นการอย่างหนักตรงจุดนี้เช่นการขยายห้องเผาวใหม้ให้ใหญขึ้น แรงอัดลดลอง ทำให้ปัญหาตรงนี้เกือบหมดไป แต่ก็มีปัณหาใหม่ตามมาก็คือ กำลังงานจากเครื่องยนต์น้อยลง เครื่องยนต์สั่นมากขึ้น และอีกมากมาย 
บทสรุปสุดท้ายที่ผู้ผลิดในอุตสหกรรมยานยนต์ตัดสินใจแก้ปัญหาและไม่ยอมละทิ้งเครื่องยนต์สูบวีก็คือพื้นที่ๆสมารถขยายรายละเอียดได้มากขึ้นทำให้เครื่องยนต์ศุบวีมีหลายสูบในเครื่องตัวเดียวกัน เช่น V3,V4 และเครื่องยนต์ V5 ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
หลักการทำงานของเครื่องยนต์ วี 5 ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์และรถจักรยานยนต์ของฮอนด้า ในรหัส Honda RC211V



เป็นเครื่องยนต์วี 5 สูบที่สลับการจุดระเบิดอย่างชัดเจนเอนจินเบรคที่เป็นปัญหาในอดีตถูกแก้ใขในอดีตถูกแก้ใขจนหมดสิ้น เมื่อฮอนด้าออกแบบให้การทำงานของสองสูบหลังในเครื่องยนต์เป็นสูบบาลานซ์ หรือที่เรียกกันว่าบาลานซ์เซอร์
คราวนี้หลายคนคงสงสัยในเมื่อว่า ลูกสูบมากขึ้นทำไมถึงไม่มีเอนจินเบรคที่ไปคอยดูกำลังงานเหตุผลก็คือการทำให้ข้อเหวี่ยงเบาลงมากที่สุด และทำให้ลูกสูบสองตัวหลังเยื้องศูนย์จนกลายเป็นบาลานซ์เซอร์ ในการทำงานแต่ละครั้งจึงทให้เครื่องยนต์เบาเหมือนเครื่องยนต์สองจังหวะไม่มีผิดเพื้ยน ถ้าสังเกตุให้ดีนี่คือความเหนือชั้นของวิศวกรฮอนด้า ในการทำมุมของลูกสูบด้านหลังสองตัวให้ทำมุมกระเถิบของสองสูบหลังสองตัวให้กระเถิบไปด้านหลัง 20-30 องศา โดยประมาณ เทียบกับเครื่องยนต์สูบวีด้วยกันแล้ว 40-45 องศานี่ถือว่าน้อยมากแทบจะไม่แตกต่างจากเครื่องยนต์สูบเรียง
ข้อดีของเครื่องยนต์ Honda RV211V คือมีพื้นที่เหลือเฟือเพื่อให้สามารถขยายรายละเอียดได้อีกมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดผู้ขับขี่ต้องแน่ใจว่าคุมอยู่...

เครื่องยนต์สูบเรียง 4 Inline 



โดยปกติแล้วเครื่องยนน์สูบเรียงจะไม่มีอะไรฟู่ฟ่า เพราะตั้งแต่กำเหนิดตัวต้นแบบจนมาถึงในขณะนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากพัฒนามาเป็นระบบหัวฉีดและขยายความจุมาเป็น 1400 ซีซี เท่านั้น

ข้อดีของเครื่องยนต์สูบเรียง
เป็นเครื่องยนต์รอบจัด ความเร็วสุง ขับขี่ง่ายทั้งในรอบต่ำและรอบสุง แต่เครื่องยนต์สูบเรียงมีข้อด้อยให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง คือพื้นที่ที่จะขยายรายละเอียดนั้นจำกัดด้วเสื้อสูบและกระบอกสูบ และแคร้งค์เครื่องยนต์ การขยายให้ซีซีสุงขึ้น ตั้งแต่รุ่นซูเปอร์ไบค์ในการแข่งขันรถจักรยายนต์ทางเรียบจากเครื่องยนต์ 750 ซีซี มาเป็น 1000 ซีซี นั้นต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมดไม่สามารถขยายโดยการสร้างกระบอกสูบใหม่ จะสังเกตุได้ว่าเครื่องยนต์สูบเรียงนั้น เมื่อ ความจุของกระบอกสูบมากขึ้น เครื่องยนต์ก็จะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นตามไปด้วยไม่สะดวกต่อการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบเช่นเครื่องยนต์ของ Suzuki GSX-1300R Hayabusa เหตุผลที่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงทำผลงานใด้โดเด่นในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบรุ่นโมโตจีพีนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างเช่น มีนักแข่งฝีมือดี มีการเพิ่มรายละเอียดหลายอย่างจากเครื่อง 990 ซีซี ปกติ เปลี่ยนช่วงชักให้สั้นลง ลูกสูบโตขึ้นกลายเป็นเครื่องรอบจัด และ กำลังงานมหาศาล แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ การทำงานอยางหนักหน่วงในการแข่งขันแต่ละครั้ง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักในระยะเวลาอันสั้น อัตราเสี่ยงของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแข่งในแต่ละครั้งจึงมีมากขึ้นอย่างชัดเจน และทีมวิศวกรกำลังเร่งพัฒนากันอย่างหนัก นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่การแข่งขันโมโตจีพีในปี 2007 จึงกำหนดกติกาใหม่ให้รถแข่งมีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 800 ซีซี เท่านั้น



Cr. https://www.facebook.com/notes/602349006503485/

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของนักเรียน

เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันในชีวิตประจำวันเราต้องเจอกับเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเลยครับ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีผลกับเรา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนในโรงเรียนจะมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น ในการแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมก็จำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น จะเห็นว่าเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป
บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

รูปแสดงการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมนักเรียนลองจินตนาการดูว่า นักเรียนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านใดบ้างจากตัวอย่างต่อไปนี้ เมื่อตื่นนอนนักเรียนอาจได้ยินเสียงจากวิทยุ ซึ่งกระจายเสียงข่าวสารหรือเพลงไปทั่ว นักเรียนใช้โทรศัพท์สื่อสารกับเพื่อน ดูรายการทีวี วีดีโอเมื่อมาโรงเรียนเดินทางผ่านถนนที่มีระบบไฟสัญญาณที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าไปศูนย์การค้า ขึ้นลิฟต์ ขึ้นบันไดเลื่อนซึ่งควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ที่บ้านนักเรียน นักเรียนอาจอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ คุณแม่ทำอาหารด้วยเตาอบซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า จะเห็นว่าชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอันมาก อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบในการทำงาน
 
รูปแสดงเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้านในอดีตยุคที่มนุษย์ยังเร่ร่อน มีอาชีพเกษตรกรรม ล่าสัตว์ ต่อมามีการรวมตัวกันสร้างเมือง และสังคมเมืองทำให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต การผลิตทำให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตจำนวนมาก สังคมจึงเป็นสังคมเมืองที่มีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ก้าวหน้ามาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศ ชีวิตความเป็นอยู่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก การสื่อสารโทรคมนาคมกระจายทั่วถึง ทำให้ข่าวสารแพร่กระจ่ายไปอย่างรวดเร็ว สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมไร้พรมแดนเพราะเรื่องราวของประเทศหนึ่งสามารถกระจายแพร่ออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศคำว่าเทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นค้าที่มีความหมายกว้างไกล เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา
ลองนึกดูว่าทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน ตามชายหาด ชายทะเลเป็นสารประกอบของซิลิกอน ทรายเหล่านั้นมีราคาต่ำและเรามองข้ามไป ครั้งมีบางคนที่เรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์ และเจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนำ นำมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ และไอซี (Integrated Circuit : IC) ไอซีนี้เป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากไว้ด้วยกัน ใช้เป็นชิพซึ่งเป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ สารซิลิกอนดังกล่าวเมื่อผ่านกรรมวิธีทางเทคโนโลยีแล้วจะมีราคาสูงสามารถนำมาขายได้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเรานำเอาวัตถุดิบมาผ่านเทคนิคการดำเนินการ จะได้วัตถุสำเร็จรูป สินค้าเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบนั้นมาก ประเทศใดมีเทคโนโลยีมากมักจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เทคโนโลยีจึงเป็นหาทางที่จะช่วยในการพัฒนาให้สินค้าและบริการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านต่าง ๆ
ส่วนคำว่าสารสนเทศ หมายถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมาใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมองเป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการเรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลรอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การสื่อสารระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ


รูปแสดงสื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูลภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจำกัดในการจัดเก็บ การเรียกใช้ การประมวลผล และการคิดคำนวณ ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการสารสนเทศ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำได้มาก สามารถให้ข้อมูลได้แม่นยำและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา ทำงานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย และยังส่งข้อมูลไปได้ไกลและรวดเร็วมาก เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ ทำให้เกิดงานบริการที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM) การจองตั๋วดูภาพยนตร์ การลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน
เมื่อรวมคำว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศเข้าด้วยกัน จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความหมายที่กว้างขวางมาก นักเรียนจะได้พบกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวกับการใช้สารสนเทศอยู่มาก ดังนี้
§  การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบ นักเรียนอาจเห็นพนักงานการไฟฟ้าไปที่บ้านพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ในการสอบแข่งขันที่มีผู้สอบจำนวนมาก ก็มีการใช้ดินสอระบายตามช่องที่เลือกตอบ เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลได้ เมื่อไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการใช้รหัสแท่ง (bar code) พนักงานจะนำสินค้าผ่านการตรวจของเครื่องเพื่ออ่านข้อมูลการซื้อสินค้าที่บรรจุในรหัสแท่ง เมื่อไปที่ห้องสมุดก็พบว่าหนังสือมีรหัสแท่งเช่นเดียวกันการใช้รหัสแท่งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมwbr>wb
§  การประมวลผล ข้อมูลที่เก็บมาได้มักจะเก็บในสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี หรือเทป เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลตามต้องการ เช่น แยกแยะข้อมูลเป็นกลุ่ม เรียงลำดับข้อมูล คำนวณ หรือจัดการคัดแยกข้อมุลที่จัดเก็บนั้น

รูปแสดง การประมวลผลให้ออกมาในรูปเอกสาร§  การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์มีมาก สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ เป็นรูปภาพ ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นวีดิทัศน์ เป็นต้น

รูปแสดง การแสดงผลลัพท์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์§  การทำสำเนา เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การทำสำเนาจะทำได้ง่าย และทำได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอุปกรณ์ช่วยในการทำสำเนา จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เรามีเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จานบันทึก ซีดีรอม ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก
§  การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการที่จะส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หรือกระจายออกไปยังปลายทางครั้งละมาก ๆ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภท ตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์ เส้นใยนำแสง เคเบิลใต้น้ำ คลื่นวิทยุไมโครเวฟ ดาวเทียม เป็นต้น
ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยพื้นฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะเด่นที่สำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีดังนี้
§  เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จำเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ เราสามารถฝากถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการได้ดีขึ้น ทำให้การบริการโดยรวมมีประสิทธิภาพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดำเนินการและการตัดสินใจ ระบบธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทำงาน เช่น ใช้ในระบบจัดเก็บเงินสด จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
§  เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมุลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้
§  เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใข้ในองค์การประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี ในองค์การทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
§  เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จาก การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้ตารางคำนวณ และใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมแบบต่าง ๆ เป็นต้น





























                                   ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศการกำเนิดของคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณห้าสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ยุคสารสนเทศ ในช่วงแรกมีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องคำนวณ แต่ต่อมาได้มีความพยายามพัฒนาให้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการจัดการข้อมูล เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น สภาพการใช้งานจึงใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่และสังคมจึงมีมาก มีการเรียนรู้และใช้สารสนเทศกันอย่างกว้างขวาง ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมกล่าวได้ดังนี้
§  การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควมคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น
§  เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอการการเรียนรู้ มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
§  สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนมากขึ้น
§  เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่าโทรมาตร เป็นต้น
§  เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบเฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน
§  การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://kewalinkaewwijit.wordpress.com/2010/10/11/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3-2/