วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Subaru Impreza

ซูบารุ อิมเพรสซ่า (Subaru Impreza) เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) ผลิตโดยซูบารุ เริ่มผลิตและเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2535 เพื่อแข่งขันกับรถยนต์ Compact Car ยอดนิยมของญี่ปุ่นและของโลก เช่น Toyota Corolla ,Nissan Sunny ,Honda Civic ,Mitsubishi Lancer และ Mazda Familia หรือ 323 เป็นต้น โดยเข้ามาทดแทนรถ Compact Car รุ่นเก่า ซูบารุ ลีออน และซูบารุยังส่งอิมเพรสซ่าไปแข่งขันในการแข่งขันแรลลี่โลก WRC (World Rally Cross) อีกด้วยเพื่อสู้กับคู่แข่งในสมัยเดียวกัน เช่น แลนเซีย มิตซูบิชิ โตโยต้า ฟอร์ด ฯลฯ จนประสบความสำเร็จติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (พ.ศ. 2538-2540) และได้รับถ้วยรางวัลประดับสำนักงานใหญ่ย่านชินจูกุ กรุงโตเกียวหลายครั้งอีกด้วย
อิมเพรสซ่า ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของ Fuji Heavy Industry เพราะสามารถยกระดับตัวเองให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับสากลอย่างเต็มตัวตั้งแต่เริ่มทำรถรุ่นแรกอย่างซูบารุ 1500 หรือรถที่เริ่มวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์รุ่นแรกอย่างซูบารุ 360 ทีเดียว โดยในช่วงแรกมีให้เลือกทั้งตัวถังซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน (หรือสเตชันวากอน) 5 ประตู ถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าอิมเพรสซ่าเป็นเจเนอเรชั่นต่อมาของลีออน รถครอบครัวชื่อดัง แต่ด้วยขนาดที่ไล่เลี่ยกัน ทำให้หลายคนเข้าใจไขว้เขว และในช่วงแรกได้มีการแยกตัวถังซีดานมาโมดิฟายให้แรงกว่ารุ่นซีดานปกติ เรียกว่า WRX และถือเป็น Icon Model ทั้งในแง่ของการเป็นตัวแข่งที่ดี และตัวขายที่มีลูกค้าตอบรับในระดับใช้ได้
ปัจจุบัน ซูบารุ อิมเพรสซ่า มีวิวัฒนาการตามช่วงเวลาได้ 4 Generation (รุ่น) ดังนี้

รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2535-2543)
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 1 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2535 มีตัวถังคูเป้ 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน 5 ประตู ระบบขับเคลื่อนมีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง 1.5 ,1.6 ,1.8 ,2.0 ,2.2 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในช่วงแรกก็ได้มีการเปิดตัวเวอร์ชัน WRX ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกโมดิฟายให้แรงกว่าปกติ มีลูกค้าให้การตอบรับในระดับใช้ได้ และยังเคยถูกส่งไปแข่งขันในระดับโลกมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีตัวถัง Outback Sport เนื่องจากในช่วงนั้น เป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นนิยมรถเพื่อสันทนาการ (RV : Recreation Vehicle) กันมาก แต่ในช่วงนั้นซูบารุยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะพัฒนารถ SUV และ MPV เพื่อต่อกรกับบรรดาคู่แข่งในตลาดที่ต่างก็มีรถ SUV และ MPV ทำตลาด เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า มิตซูบิชิ อีซูซุและซูซูกิ มีทั้งเวอร์ชั่นอเมริกา และญี่ปุ่น แต่ไม่เคยส่งมาทำตลาดในประเทศไทย โดยเวอร์ชั่นอเมริกาจะใช้ชื่อว่า Subaru Impreza Outback Sports เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ถือเป็นรถรุ่นปี 1995 และพอจะมีชาวอเมริกันหาซื้อไปใช้งานอยู่บ้าง ทำให้ซูบารุตัดสินใจทำเวอร์ชั่นญี่ปุ่นออกมาในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2538 ในชื่อ Subaru Impreza Sports Wagon GRAVEL EX แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจเลิกทำเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนโฉมสู่รุ่นที่ 2 ของอิมเพรสซ่าในปี พ.ศ. 2543

ในประเทศไทย บริษัท สยามซูบารุจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสยามกลการเคยนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยนำเลกาซีรุ่น BC เข้ามาจำหน่ายในไทย แต่สามารถสร้างยอดขายได้แค่พอประมาณเท่านั้น หากไม่ทำอะไรแล้วซูบารุอาจจะต้องม้วนเสื่อกลับไปญี่ปุ่นอย่างที่เคยเป็นมาก่อน รุ่นที่นำเข้ามีตั้งแต่รุ่น 1.6 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า 90 แรงม้า ซีดาน 4 ประตู ราคา 695,000 บาท รุ่น 1.8 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ 103 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ และมีตัวถังซีดาน 4 ประตูและสปอร์ตวากอน 5 ประตู โดยราคาตัวถังซีดาน 4 ประตูอยู่ที่ 795,000 บาท และรุ่น WRX เทอร์โบ เครื่องยนต์ EJ20 ราคา 985,000 บาท อาจจะมองว่าไม่แพง แต่สมัยนั้น Accord รุ่นนำเข้าราคา 1.17 ล้าน ถึงแม้จะแรงและขับสนุก แต่ภายในก็ไม่ต่างจากรถบ้านธรรมดา ต่างจาก Accord ซึ่งเป็นรถราคาแพงกว่า แต่ไม่เน้นขับสนุกมากนัก อิมเพรสซ่้าที่ถูกขายออกไปส่วนมากมักจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร พรีเซ็นเตอร์ในสมัยนั้นคือไตรภพ ลิมปพัทธ์ พิธีกรชื่อดังและเ้จ้าของบริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ทำให้ลูกค้าซูบารุทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ได้เซ็นใบจองเพื่อซื้อหาอิมเพรสซ่ามาขับขี่ ขายมาได้เรื่อยๆ เป็นตัวทำเงินให้กับซูบารุในไทยเรื่อยมา (ซึ่งปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับ Subaru XV ในปัจจุบันเช่นกัน) ภายหลังได้มีการไมเนอร์เชนจ์ตามตลาดออสเตรเลีย ปัจจุบันยังมีให้เห็นตามท้องถนนทั่วไปอยู่เรื่อยๆ

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2543-2550)

ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2543 มีตัวถังซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน 5 ประตู มีเครื่องยนต์ 1.5 ,1.6 ,2.0 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ยังคงมีเวอร์ชั่น WRX และ Outback Sports โดยเวอร์ชั่น Outback Sports ดัดแปลงมาจากรุ่นสปอร์ตวากอน นำเข้าจากโรงงานในเมืองโอตะ จังหวัดกุมมะ เปิดตัวในปี พ.ศ. 2544 ในฐานะรถรุ่นปี 2002 มีการปรับโฉม Minorchange ในปี พ.ศ. 2547 และปี พ.ศ. 2548 ในฐานะรถรุ่นปี 2006 ทำตลาดจนถึงปี พ.ศ. 2550

รุ่นที่ 3 (พ.ศ. 2550-2554)

ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 3 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2550 มีตัวถังซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู มีเครื่องยนต์ 1.5 ,2.0 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 และ 5 สปีด ยังคงมีรุ่น Outback Sport และ WRX เช่นเดิม แต่เป็นครั้งแรกที่มีรุ่น XV ออกสู่ตลาด และเป็นครั้งแรกที่พลิกแนวคิดการทำอิมเพรสซ่ารุ่นนี้ โดยยุบตัวถังสปอร์ตวากอน 5 ประตูออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นแฮทช์แบค 5 ประตู เนื่องจากที่ผ่านมา ซูบารุมุ่งเน้นทำตลาดรถสมรรถนะสูง จนกระทั่งรถยนต์แบบดั้งเดิมที่ตนเองเคยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่บ้าง ตั้งแต่รุ่นลีออน (Leone) มาจนถึงอิมเพรสซ่ารุ่นแรกค่อยๆ หดหายไป เวลาที่ลูกค้าเข้าไปในโชว์รูมซูบารุเขาไม่ได้ซื้อรุ่นสมรรถนะดีๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อมันไม่สร้างรายได้ ก็ต้องสร้างแรงจูงใจในการทำรถยนต์รุ่นมาตรฐานให้สอดรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น น่าจะช่วยสร้างยอดขายและรายได้ให้มากกว่า ในขณะเดียวกับ ซูบารุต้องการจะขายอิมเพรสซ่าในยุโรปให้ได้มากขึ้น เนื่องจากในยุโรปยังนิยมรถแฮทช์แบคกันอยู่ แต่ซูบารุไม่เคยมีแนวคิดที่จะทำรถยนต์แฮทช์แบคขนาดกลางไปขายในยุโรปมาก่อน จะมีแต่รุ่นที่เล็กกว่าอย่าง ซูบารุ เร็กซ์ (อังกฤษ: Subaru Rex) และ ซูบารุ จัสตี (อังกฤษ: Subaru Justy) ที่เลิกขายไปแล้ว ทำให้ยากต่อการขยายตลาดไปยังยุโรป

สำหรับรุ่น Outback Sport ได้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2550 ทำตลาดเฉพาะในอเมริกาเหนือ และยังมียอดขายและการตอบรับที่อยู่ในระดับใช้ได้ จึงมีการพัฒนารุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันแบบ Full Modelchange ของ Impreza XV ควบคู่ไปกับโครงการพัฒนารุ่นเปลี่ยนโฉมของ Impreza เมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยระหว่างที่โครงการดำเนินไป ซูบารุตัดสินใจหยั่งเชิงตลาดด้วยการส่งเวอร์ชั่น Outback ของ Impreza Hatchback รุ่นปี 2007 - 2012 โดยเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show ในเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2553 ก่อนจะนำกลับไปเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน เพื่อชิมลางตลาดให้แน่ใจอีกครั้ง

โดยเวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง EJ15 บล็อก 4 สูบ Boxer DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี เชื่อมได้กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเครื่องยนต์รหัส EJ20 บล็อก 4 สูบ Boxer SOHC 16 วาล์ว 1,994 ซีซี มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดเท่านั้น ยอดขายถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ ทำให้ FHI มั่นใจว่า โอกาสที่โครงการ XV รุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาอยู่ จะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม ในตลาดที่ไกลกว่าเดิม นั่นคือ ทุกประเทศที่มี Subaru ทำตลาดอยู่จะเพิ่มมากขึ้น

รุ่นที่ 4 (พ.ศ. 2554-ปัจจุบัน)

ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 4 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2554 มีตัวถังซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT




ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8_%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2



Review/แนะนำการใช้งาน โปรแกรม 1 โปรแกรม

Ashampoo Burning Studio

โปรแกรม Ashampoo Burning Studio Free
shampoo Burning Studio Free (โปรแกรมเบิร์นแผ่น CD DVD Blu-Ray ฟรี) : สำหรับ โปรแกรมนี้มีชื่อว่า โปรแกรม Burning Studio พัฒนาโดยทีมจากบริษัท Ashampoo ประเทศเยอรมัน มันเป็น โปรแกรมไรท์แผ่นสารพัดประโยชน์ มันสามารถใช้ไรท์ได้ทั้งแผ่นซีดี (CD) แผ่นดีวีดี (DVD) และ แผ่นบลูเรย์ (Blu-ray) โดยถือเป็นโปรแกรมดีๆ อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะแอดมิน ผู้ดูแลเว็บ Thaiware.com เองก็ใช้ตัวนี้กันอยู่หลายคน หลายเครื่องเหมือนกัน เพราะมันฟรี และดี แถมมีขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย ซึ่งโปรแกรม Write แผ่น เป็นแผ่นประเภทต่างๆ ได้หลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แผ่นเพลง (Audio CD) แผ่นข้อมูล (Data CD) หรือจะใช้เพื่อในการ สำรองข้อมูล (Backup CD) หรือ สร้าง อิมเมจไฟล์ (ISO Image Files) ลงในหลายๆ แผ่น และ แผ่นหลายๆ ประเภทด้วยเช่นกัน และเวอร์ชั่นล่าสุด ทางผู้พัฒนาเขาได้เพิ่มความสามารถในการริปแผ่นซีดี หรือการเอาเพลงจากบนแผ่นซีดี มาเก็บบันทึกเอาไว้เป็นไฟล์บนเครื่องคอมพิวเตอร์เราได้อีกด้วย ก็ถือว่าเป็น โปรแกรมไรท์แผ่น อีกตัวหนึงที่น่าดาวน์โหลดลงเก็บไว้ในเครื่อง ลงตัวเดียวพอ ไม่ต้องใช้ตัวอื่นอีกแล้ว ปลอดมัลแวร์ สปายแวร์อีกต่างหาก

Program Features (คุณสมบัติและความสามารถเด่นๆ ของ โปรแกรม Ashampoo Burning Studio FREE)
  • เขียนไร้ท์แผ่น CD แผ่น DVD และ แผ่น Blu-ray ได้อย่างง่ายดาย สนับสนุนทั้งสามประเภท
  • สนับสนุนเพลงจากแบบแผ่นซีดีเพลง (Audio CD) ได้ จากไฟล์เพลงต่างๆ เช่น WAV, MP3, FLAC, WMA และไฟล์ OGG Vorbis
  • ไรท์แผ่น MP3 ได้จากไฟล์ MP3 เพื่อที่จะนำไปเปิดบนรถยนต์ หรือเครื่องเล่น MP3 ต่างๆ
  • สามารถไรท์แผ่นวีดีโอลง DVD แผ่น Video CD (VCD) หรือแผ่น Super Video CD (S-VCD)
  • สร้างอิมเมจไฟล์ (ISO Image Files) จากแผ่น CD / DVD / Blu-Ray
  • กำหนดความเร็วในการ ไรท์แผ่น CD / DVD ได้ด้วยตัวเอง หรือ ตั้งแบบอัตโนมัติ ก็ได้
  • สามารถระบุ กำหนด จำนวนสำเนา แผ่นทุกประเภท ที่จะทำการไรท์ได้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ในกรณีที่ต้องการไรท์หลายแผ่น ที่มีข้อมูลเหมือนกัน ไปพร้อมๆ กัน
  • สามารถ Copy แผ่น CD เพลง หรือ VCD (Video CD) ได้อย่างง่ายดาย
  • สามารถ ลบข้อมูล ออกจากแผ่น CD-RW หรือ DVD-RW ได้
  • หลังการไรท์แผ่นเสร็จสิ้น โปรแกรมนี้มีระบบการตรวจสอบความถูกต้องของแผ่น โดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลที่ไรท์ลงไป เหมือนกับข้อมูลของต้นฉบับจริงๆ ไม่ผิดไม่เพี้ยน
  • สามารถริปเพลง (CD Ripper) จากแผ่นซีดีเพลง เซฟบันทึกออกมาเป็นไฟล์ WMA และ WAV เพื่อรับฟังกันบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรือจะรวมไปฟังบนรถก็ได้
  • สนับสนุนแผ่น Blu-ray รูปแบบใหม่ ที่เก็บข้อมูลได้มากกว่า 25 GB.
สำหรับตัว โปรแกรม Ashampoo Burning Studio Free ตัวนี้ ทางผู้พัฒนา โปรแกรม (Program Developer) เขาได้แจกให้ ทุกท่านได้นำไปใช้กันฟรีๆ (FREE) ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยท่านสามารถที่จะ ติดต่อกับทาง ผู้พัฒนาโปรแกรมนี้ได้ผ่านทางช่องทางอีเมล์ (E-Mail) : info@ashampoo.com (ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน) ได้โดยทันทีเลย

โปรแกรมไรท์แผ่น Ashampoo Burning Studio Free


ที่มา
www.software.thaiware.com/

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และ เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์

วันนี้เราจะมาพูดถึงอุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์กัน

    4.1 CPU (Central Processing Unit) ถือว่าเป็นหัวสมองที่ใช้คิดคำนวนต่าง ๆ เป็นกลไกสำคัญที่สุด

    4.2 RAM (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำชั่วคราว เสมือนกระดาษทด ทำให้คิดคำนวนได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากมีน้อยก็ทำให้เครื่องช้า

    4.3 Harddisk ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ครับ ควรจะมีไว้เยอะๆดีกว่านา

    4.4 การ์ดจอ  เพื่อการแสดงผลที่รวดเร็ว โดยเฉพาะท่านที่ชอบเล่นเกมส์ ก็ต้องซื้อการ์ดดีๆครับ ซึ่งราคาก็จะสูง

    4.5 การ์ดแลน (LAN Card) เพื่อใช้เชื่อมต่อเครือข่ายครับ หรือบางทีจะมีมาให้พร้อมเมนบอร์ด

    4.6 Power Supply ตัวจัดการเรื่องไฟฟ้าครับ สังเกตุเวลาเราเสียบสายไฟเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็คือเสียบเข้ามาที่ตัวนี้ครับ

    4.7 Mainboard เป็นกระดานสี่เหลี่ยมใช้ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ครับ 
ครับสำหรับ คอมพิวเตอร์ก็คงมีประมาณนี้อ่ะครับ
แต่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้สิผมเองก็ยังไม่รู้จักลึกๆเลย เราจึงได้ไปสืบแสวงหาข้อมูลมาให้เพื่อนได้อ่านกัน
ข้อมูลจะเป็นยังไงเราไปดูกันเลยเถอะ !!!!!

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก (computer network) คือเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย (โหนดเครือข่าย) จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคือ อินเทอร์เน็ต
การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกัน เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบให้สูงขึ้น และลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง
การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันในเครือข่าย ทำให้ระบบมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น การแบ่งการใช้ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผลหน่วยความจำหน่วยจัดเก็บข้อมูลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงและไม่สามารถจัดหามาให้ทุกคนได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องกราดภาพ (scanner) ทำให้ลดต้นทุนของระบบลงได้
อุปกรณ์เครือข่ายที่สร้างข้อมูล, ส่งมาตามเส้นทางและบรรจบข้อมูลจะเรียกว่าโหนดเครือข่าย. โหนดประกอบด้วยโฮสต์เช่นเซิร์ฟเวอร์, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่าย อุปกรณ์สองตัวจะกล่าวว่าเป็นเครือข่ายได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการในเครื่องหนึ่งสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกระบวนการในอีกอุปกรณ์หนึ่งได้
เครือข่ายจะสนับสนุนแอปพลิเคชันเช่นการเข้าถึงเวิลด์ไวด์เว็บ, การใช้งานร่วมกันของแอปพลิเคชัน, การใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บข้อมูลร่วมกัน, การใช้เครื่องพิมพ์และเครื่องแฟ็กซ์ร่วมกันและการใช้อีเมลและโปรแกรมส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีร่วมกัน
ก่อนจะจากกันไปขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-Net คอม (5ข้อ)

วิเคราะห์ข้อสอบ O-Net คอม (5ข้อ)



1.  ความละเอียดของจอภาพสามารถบอกได้ด้วยปัจจัยในข้อใด ( ปี 2550 )

1.  CRT
2.  Dot pitch
3.  Refresh rate
4.  Color quality

เฉลย  2

Dot pitch คือ ระยะห่างระหว่างพิกเซลหรือระยะห่างระหว่างจุดสี ถ้าระยะห่างน้อย ด็อดมีขนาดเล็ก ภาพจะคมชัดยิ่งขึ้น โดยแกติความระเอียดจะอยู่ที่ประมาณ 0.25 mm ถึง 0.4 mm


2.  ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ( ปี 2553 )

1.  Microsoft Windows
2.  Ubuntu
3.  Symbian
4.  MAC Address

เฉลย  4

1.  Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก
2.  Ubuntu  เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ซึ่่งมีพื้นฐานบนลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน
3.  Symbian  เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ พัฒนาโดยบริษัท Symbian Ltd
4.  MAC Address คือ หมายเลขของ Network Card (LAN , Wireless LAN ) ซึ่งหมายเลขจะไม่ซ้ำกัน โดยค่าหมายเลขนี้จะถูกกำหนดคามาจากโรงงานที่ผลิต Network Card



3.  ข้อใดเป็นการปฎิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาทำรายงาน ( ปี 2554 )

1.  คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์
2.  ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา (web board) มาใส่ในรายงาน
3.  นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน
4.  อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ

เฉลย  4

การทำรายงาน เมื่อนักเรียนสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วพบข้อมูลที่ต้องการแล้ว หากมีการนำข้อความหรือข้อมูลจากเว็บไซต์นั้นมาใช้ แล้วก็ควรที่จะมีการสรุปเนื้อหาด้วย และที่สำคัญควรจะอ้างอิงถึงชื่อผู้ที่ให้ข้อมูลเราเป็นการขอบคุณด้วย

4.  ไฟล์ประเภทใดในข้อใดต่อไปนี้เก็บข้อมูลในลักษณะตัวอักษร ( ปี 2554 )

1.  ไฟล์เพลง MP3 (.mp3)
2.  ไฟล์รูปประเภท JPEG (.jpg)
3.  ไฟล์แสดงผลหน้าเว็บ (.html)
4.  ไฟล์วีดิโอประเภท Movie (.mov)

เฉลย  3 

ไฟล์เสียงได้แก่ .MP3 .avi .wave เป็นต้น ที่นักเรียนฟังเพลง
ไฟล์มัลติมีเดียได้แก่ .mp4 .mpg .avi .mov .wmv พวกไฟล์วีดิโอทั้งหลาย
ไฟล์ภาพได้แก่ .JPG .Gif .PND ในที่นี้ Gif จะคุณภาพต่ำสุด PND จะคมชัดสุด
ส่วนไฟล์ HTML เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประเภทเว็บไซต์

5.  ห้องสมุดแห่งหนึ่งต้องการพัฒนาระบบยืมหนังสือโดยสามารถบันทึกข้อมูลการยืนยันหนังสือลงบนบัตรอิเลคโทรนิคส์โดยไม่ต้องเขียนด้วยมือ ระบบนี้ควรใช้เทคโนโลยีในข้อใด ( ปี 2554 )

1.  Smart Card
2.  Fingerprint
3.  Barcode
4.  WIFI

เฉลย  3

Smart Card  ก็พวกบัตรต่างๆ เครดิต เอทีเอ็ม
Fingerprint  เป็นระบบแสกนลายนิ้วมือ
Barcode       ก็ใช้เครื่องยิงไปที่แถบบาร์โค๊ดเพื่ออ่านข้อมูลแบบห้องสมุดโรงเรียนเรา

WIFI            ระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย


อ้างอิง : http://www.wanyai.ac.th/OnetT6.pdf
              http://goblindream.blogspot.com/2015/07/o-net.html

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ภาษาซี (C)


  ภาษาซี (C)
ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไร
หลายคนคงเคยสงสัยกันนะครับว่าโปรแกรมทำงานขึ้นมายังไง ทำไมไอหน้าจอคอมพิวเตอร์สี่เหลี่ยมถึงมีเกมส์เล่นหรือว่าทำโปรแกรมแต่งรูปต่างๆได้เหมือนกับมนุษย์ที่สื่อสารกันด้วยภาษาที่ยอมรับกัน คอมพิวเตอร์ก็มีภาษาทางการของพวกเขาเช่นกันครับทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นภาษาของคอมพิวเตอร์มนุษย์ก็สามารถทำความเข้าใจได้เช่นกัน แต่ในเฉพาะระดับสูงเท่านั้น พวกเลขฐานสอง 00110011 ก็ปล่อยให้คอมพิวเตอร์ใช้ไปเถอะครับ 555+ *ด้วยความนี่ผู้เขียนบล็อกไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเขียนโปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์แต่ต้องเขียนเรื่องนี้ส่งอาจารย์ ก็เลยต้องอ่านผ่านๆให้พอรู้เรื่อง ก็อปวางบ้างบางบรรทัดหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ (ง030)ว

ภาษาซี
ในเมื่อเป็นภาษาก็ย่อมต้องมีความแตกต่าง เหมือนที่เรามีภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาไทย ภาษาจีน
คอมพิวเตอร์ก็มีภาษาระดับสูงแยกย่อยออกไปอีกเช่นกันโดยที่จะสามารถแยกย่อยออกไปอีกมากมาย ภาษาที่นิยมใช้กันโดยมากจะเป็น Python,Java,C++,C#,Ruby [*ที่มา http://www.i-programmer.info/news/98-languages/8277-most-popular-computer-languages-2015.html] โดยจะยกภาษาทั้งหมดมากล่าวถึงในบล็อกอันน้ิยนิดของผมคงจะยากไปหน่อยเพราะฉะนั้นผมขออณุญาติกล่าวถึงภาษาที่คุ้นหูคนทั่วไปอย่างภาษา C (ซี) ในการเขียนบล็อกครั้งนี้ครับ

โดยภาษาซีนั้นพัฒนาขึ้นโดยอเมริกันนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Dennis MacAlistair Ritchie ในช่วงปีค.ศ. 1969-1973 ที่ AT&T Bell Laboratory โดยกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคอมพ์พิวเตอร์ในปัจจุบัน

ภาษาซีนั้นยังถูกพัฒนาต่อเป็นภาษา C++ C# อีกด้วย
Image result for Dennis MAcAlistair Ritchie


การออกแบบของภาษาซี
ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงภาษาระดับล่าง สามารถรองรับภาษายุคก่อนๆได้ และสามารถทำงานได้หลายแพลตฟอร์มอีกด้วย

ลักษณะพิเศษฟ
-มีชุดคำสัญอยู่จำนวนหนึ่งเช่น for , if/else , while , switch , do/while
-มันการใช้สัญลักษณ์และก็มีการผสมสัญลักษณ์อีกด้วย +,+=,+-,~ บลาๆ
-สามารถข้ามฟังก์ชั่นตัวเลขได้เวลาที่ไม่ใช้
-ใช้วงเล็บปีกกา{...}แทน Start.....end
-คำที่สงวนไว้มีน้อย
-ตัวเท่ากับสองตัว == ใช้แสดงความเท่ากัน
-ตัวแปรอาจถูกซ่อนในบล็อกซ้อนใน
-etc.

คุณลักษณะที่ขาดไป 
ขออนุญาตินำมาจาก* https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาซี
-ไม่มีการนิยามฟังก์ชันซ้อนใน
-ไม่มีการกำหนดค่าแถวลำดับหรือสายอักขระโดยตรง (การคัดลอกข้อมูลจะกระทำผ่านฟังก์ชันมาตรฐาน แต่ก็รองรับการกำหนดค่าวัตถุที่มีชนิดเป็น struct หรือ union)
-ไม่มีการเก็บข้อมูลขยะโดยอัตโนมัติไม่มีข้อกำหนดเพื่อการตรวจสอบขอบเขตของแถวลำดับไม่มีการดำเนินการสำหรับแถวลำดับทั้งชุดในระดับตัวภาษา
-ไม่มีวากยสัมพันธ์สำหรับช่วงค่า (range) เช่น A..B ที่ใช้ในบางภาษาก่อนถึงภาษาซี99
-ไม่มีการแบ่งแยกชนิดข้อมูลแบบบูล (ค่าศูนย์หรือไม่ศูนย์ถูกนำมาใช้แทน)
-ไม่มีส่วนปิดคลุมแบบรูปนัย (closure) หรือฟังก์ชันในรูปแบบพารามิเตอร์ (มีเพียงตัวชี้ของฟังก์ชันและตัวแปร)
-ไม่มีตัวสร้างและโครูทีน การควบคุมกระแสการทำงานภายในเทร็ดมีเพียงการเรียกใช้ฟังก์ชันซ้อนลงไป เว้นแต่การใช้ฟังก์ชัน longjmp หรือ setcontext จากไลบรารี
-ไม่มีการจัดกระทำสิ่งผิดปรกติ (exception handling) ฟังก์ชันไลบรารีมาตรฐานจะแสดงเงื่อนไขข้อผิดพลาดด้วยตัวแปรส่วนกลาง errno และ/หรือค่ากลับคืนพิเศษ และฟังก์ชันไลบรารีได้เตรียม goto แบบไม่ใช่เฉพาะที่ไว้ด้วย

การใช้งาน
โปรแกรมภาษาซีใช้ได้หลากหลายสุดๆ แต่โดยทั่วไปภาษาอื่นๆมักจะใช้ฐานข้อมูลจากภาษาซีแล้วค่อยแปลงเป็นภาษานั้นๆ และภาษาซียังมักจะใช้เป็นโปรแกรมในการคำนวนอีกด้วย


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาซี
และ
https://en.wikipedia.org/wiki/C_(programming_language

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

social network กับนักเรียนและสังคมไทย

                                            Social network กับสังคมไทยและนักเรียน



สำหรับในยุคนี้ เราคงหลีกเลี่ยงหรือหนีคำว่า Social network” ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social network” คืออะไรกันแน่ วันนี้เรามารู้จักความหมายของ “Social network”
                                 


  คำว่า Social network” หมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั้นเอง พื้นฐานการเกิด “Social Media” ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) หรืออื่นๆ มากมาย จากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนกลายเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มสังคม และเป็นความสัมพันธ์ที่กว้างไกลไปทั้งโลก นี่คือความมหัศจรรย์ของเครือข่ายบนโลกออนไลน์


Social Network กับสังคมไทย

   Social Network ในสังคมไทยมีอิทธิพลต่อการทำเนินชีวิตของเรามาก เนื่องจากสังคมไทยมีการเสพติด Social Networkไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไร เช่น ตอนโหนอยู่บนรถประจำทาง ตอนอยู่ในรถไฟฟ้า หรือตอนนั่งรถยนต์ส่วนตัว พวกเราก็จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็ค Social Network และดูกระแส Social Network ในช่วงนี้เป็นประจำ สังคมไทยใช้Social Network ในการเช็คข่าวสารต่างๆ คอยอัพเดตสิ่งต่างๆที่ต้องการจะรู้ แต่การทำแบบนี้นั้นทำให้เราเกิดพฤติกรรมใหม่ขึ้นมานั้นก็คือสังคมก้มหน้านั้นเอง ซึ่งการใช้ชีวิตแบบสังคมก้มหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหนักเนื่องจากอาจจะทำให้เราขาดมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้วมั่วแต่หมกมุ่นอยู่แต่เพียงในโลกของ Social Network นอกจากนี้การที่ผู้ใช้เล่น social network และอยู่กับหน้าจอมือถือเป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้ ดังนั้นเราจึงควรเล่นหรืออยู่กับ Social Network อย่างพอดีไม่มากเกินความพอดีมิเช่นนั้นอาจจะก่อผลเสียต่อตัวเราและสังคมที่เราอยู่ก็เป็นได้
                             

 Social Network กับนักเรียน

   Social Network เป็นสิ่งที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่คู่กับนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนในระดับไหนก็ตามทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ก็รู้จัก Social Networkกันทั้งนั้น ก็ที่เรามีSocial Network นั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะเราสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆให้กันได้โดยใช้เวลาไม่นาน  ถ้าหากผู้ใช้อยู่ในวัยเรียน แล้วเกิดความหมกมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น คนบางกลุ่มก็เลือกที่จะใช้social networkในทางที่ดี เช่น การค้าขายของตาม Social Network เพื่อเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน หรือ ตั้งกลุ่มเป็นรับข่าวทางด้านการศึกษาต่างๆ ดังนั้นเราก็ควรใช้ Social Network ในทางที่ถูกที่ควรเพื่อให้ Social Network เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิตเรา

                         
  ดังนั้นการที่เรามี Social Network ในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ในการทำอะไรต่างๆมากมายในปัจจุบัน เราจึงควรใช้มันให้ถูกต้องมาที่ Social Network ควรเป็น และไม่ควรใช้ Social Network ไปในทางที่ผิด เพื่อเราจะได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Social Network

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความแตกต่างระหว่างเครื่องสูบ V กับสูบเรียง(in-line)

มีการถกเถีงกันมากว่าเครื่องยนต์สูบวีกับเครื่องยนต์สูบเรียงว่าชนิดใหนตอบสนองความเร็วได้ดีกว่ากัน แต่ก่อนหน้านั้นเรามาดูที่มาที่ไปของเครื่องยนต์ทั้งสองชนิดว่ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ที่ผ่านมาในการออกแบบเครื่องยนต์ ผู้ออกแบบต้องการให้ได้ประสิทธิภาพด้านกำลังงานเป็นหลักโดยเครื่องยนต์ โดยผู้ผลิดแต่ละยี่ห้อก็มุ่งเน้ให้กำลังงานที่ทะละกทะลายออกมาแรงเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหลาย เกิดเป็นการตู่สู้ในเชิงธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าพอใจมากที่สุด ความนิยมด้านกำลังถูกเปลี่ยนมาาเป็นสมรรถนะด้านความเร็ว เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาที่เห็นเป็นรูปอธรรมและยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เหลือเพียงเครื่องยนต์สูแบบวีทวินกับเครื่องยนต์สูบเรียง 4 inline และเครื่องยนต์ บอกเซอร์




เครื่องยนต์สูบวี 
การออกแบเครื่องยนต์สูบวีในยุคแรก ค้องการให้มีแรงบิดสุงๆ หรือต้องการให้ Torque มากๆทำให้เครื่องยนต์ชนิดนนี้สามารถใช้กำลังตีนต้นขึ้นทางลาดชัน รับน้ำหนักในการใช้งานได้มาก และ แข็งแรงทนทาน เป็นที่นิยมมากในแถบยุโรปและอเมริกา ส่วนอัตราเร่งก็ปรูดปราดติดมือ ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาราวๆ ค.ศ.1976 เกิดการคิดค้นพัฒนาเครื่องยนต์สูบวีให้มีประสิทธิภาพสุงขึ้น เนื่องจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ เครื่องยนต์สูบวีมีความเร็วปลายไม่มากพอที่จะแซงเครื่องยนต์สูบเรียง
ข้อเสียที่เป็นปัญหาใหญ่ของเครื่องยนต์สูบวีคือแรงบิดอันมหาศาลและเอนจินเบรคที่คอยดึงกำลังาน จนทำให้การขับขี่ไม่ง่ายเหมือนใจคิดการแก้ใขทางของเครื่องยนต์จึงเริ่มขึ้น

การลดแรงบิดของเครื่องยนต์สูบวี
1.ลดน้ำหนักของแคมชาฟท์หรือข้อเหวี่ยงด้วยการทำให้ข้อเหวี่ยงเป็นครึ่งวงกลม,บางลง,เพิ่มความแข็งแรงในเนื้อเหล็ก และ ลดน้ำหนักของข้อเหวี่ยง จะเห็นว่าเมื่อน้ำหนักทั้งหมดลดลงย่านกำลังงานที่เกิดจากอัตราเร่งต่ำสุดจะกระเถิบสุงขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่ารอบเครื่องยนต์ หรือ พาว์เวอร์แบนด์นั่นเอง
จะเห็นใด้ว่าการลดแรงบิดและย้ายย่านกำลังงานของเครื่องยน์สูบวีนั้นทำให้การขับขี่รถจักยานยนต์สูบวีทำใด้ง่ายขึ้น แต่ข้อด้วยที่รอการแก้ใขก็คือเอนจินเบรคหรือการดึงกำลังงานจากกำลังอัดที่ไม่สาาถตัดทอนได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นการดึงกำลังงานจากเครื่องยนต์
เหตุผลหลังก็คือเครื่องยนต์สุบวีมีเพียงสองสูบพื้นที่หน้าตัดของลูกสูบจะมีมากในเครื่องยนต์สูบวีที่มีซีซีสุงๆ ทางแก้ใขที่คิดค้นการอย่างหนักตรงจุดนี้เช่นการขยายห้องเผาวใหม้ให้ใหญขึ้น แรงอัดลดลอง ทำให้ปัญหาตรงนี้เกือบหมดไป แต่ก็มีปัณหาใหม่ตามมาก็คือ กำลังงานจากเครื่องยนต์น้อยลง เครื่องยนต์สั่นมากขึ้น และอีกมากมาย 
บทสรุปสุดท้ายที่ผู้ผลิดในอุตสหกรรมยานยนต์ตัดสินใจแก้ปัญหาและไม่ยอมละทิ้งเครื่องยนต์สูบวีก็คือพื้นที่ๆสมารถขยายรายละเอียดได้มากขึ้นทำให้เครื่องยนต์ศุบวีมีหลายสูบในเครื่องตัวเดียวกัน เช่น V3,V4 และเครื่องยนต์ V5 ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
หลักการทำงานของเครื่องยนต์ วี 5 ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์และรถจักรยานยนต์ของฮอนด้า ในรหัส Honda RC211V



เป็นเครื่องยนต์วี 5 สูบที่สลับการจุดระเบิดอย่างชัดเจนเอนจินเบรคที่เป็นปัญหาในอดีตถูกแก้ใขในอดีตถูกแก้ใขจนหมดสิ้น เมื่อฮอนด้าออกแบบให้การทำงานของสองสูบหลังในเครื่องยนต์เป็นสูบบาลานซ์ หรือที่เรียกกันว่าบาลานซ์เซอร์
คราวนี้หลายคนคงสงสัยในเมื่อว่า ลูกสูบมากขึ้นทำไมถึงไม่มีเอนจินเบรคที่ไปคอยดูกำลังงานเหตุผลก็คือการทำให้ข้อเหวี่ยงเบาลงมากที่สุด และทำให้ลูกสูบสองตัวหลังเยื้องศูนย์จนกลายเป็นบาลานซ์เซอร์ ในการทำงานแต่ละครั้งจึงทให้เครื่องยนต์เบาเหมือนเครื่องยนต์สองจังหวะไม่มีผิดเพื้ยน ถ้าสังเกตุให้ดีนี่คือความเหนือชั้นของวิศวกรฮอนด้า ในการทำมุมของลูกสูบด้านหลังสองตัวให้ทำมุมกระเถิบของสองสูบหลังสองตัวให้กระเถิบไปด้านหลัง 20-30 องศา โดยประมาณ เทียบกับเครื่องยนต์สูบวีด้วยกันแล้ว 40-45 องศานี่ถือว่าน้อยมากแทบจะไม่แตกต่างจากเครื่องยนต์สูบเรียง
ข้อดีของเครื่องยนต์ Honda RV211V คือมีพื้นที่เหลือเฟือเพื่อให้สามารถขยายรายละเอียดได้อีกมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดผู้ขับขี่ต้องแน่ใจว่าคุมอยู่...

เครื่องยนต์สูบเรียง 4 Inline 



โดยปกติแล้วเครื่องยนน์สูบเรียงจะไม่มีอะไรฟู่ฟ่า เพราะตั้งแต่กำเหนิดตัวต้นแบบจนมาถึงในขณะนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากพัฒนามาเป็นระบบหัวฉีดและขยายความจุมาเป็น 1400 ซีซี เท่านั้น

ข้อดีของเครื่องยนต์สูบเรียง
เป็นเครื่องยนต์รอบจัด ความเร็วสุง ขับขี่ง่ายทั้งในรอบต่ำและรอบสุง แต่เครื่องยนต์สูบเรียงมีข้อด้อยให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง คือพื้นที่ที่จะขยายรายละเอียดนั้นจำกัดด้วเสื้อสูบและกระบอกสูบ และแคร้งค์เครื่องยนต์ การขยายให้ซีซีสุงขึ้น ตั้งแต่รุ่นซูเปอร์ไบค์ในการแข่งขันรถจักรยายนต์ทางเรียบจากเครื่องยนต์ 750 ซีซี มาเป็น 1000 ซีซี นั้นต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมดไม่สามารถขยายโดยการสร้างกระบอกสูบใหม่ จะสังเกตุได้ว่าเครื่องยนต์สูบเรียงนั้น เมื่อ ความจุของกระบอกสูบมากขึ้น เครื่องยนต์ก็จะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นตามไปด้วยไม่สะดวกต่อการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบเช่นเครื่องยนต์ของ Suzuki GSX-1300R Hayabusa เหตุผลที่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงทำผลงานใด้โดเด่นในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบรุ่นโมโตจีพีนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างเช่น มีนักแข่งฝีมือดี มีการเพิ่มรายละเอียดหลายอย่างจากเครื่อง 990 ซีซี ปกติ เปลี่ยนช่วงชักให้สั้นลง ลูกสูบโตขึ้นกลายเป็นเครื่องรอบจัด และ กำลังงานมหาศาล แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ การทำงานอยางหนักหน่วงในการแข่งขันแต่ละครั้ง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักในระยะเวลาอันสั้น อัตราเสี่ยงของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแข่งในแต่ละครั้งจึงมีมากขึ้นอย่างชัดเจน และทีมวิศวกรกำลังเร่งพัฒนากันอย่างหนัก นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่การแข่งขันโมโตจีพีในปี 2007 จึงกำหนดกติกาใหม่ให้รถแข่งมีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 800 ซีซี เท่านั้น



Cr. https://www.facebook.com/notes/602349006503485/